พู่กันเป็นอุปกรณ์อีกชิ้นที่มีความหลากหลายมาก โดยเราแบ่งง่ายๆ ตามประเภทการใช้งาน แล้วในแต่ละประเภท ก็มีหลากลายราคาอยู่อีกที ซึ่งส่วนใหญ่ จะขึ้นอยู่กับคุณภาพ วัสดุ และแบรนด์ (+ภาษีนำเข้า)

วิธีเลือกแบบง่ายที่สุด

พู่กันสีน้ำ คุณสมบัติหลักที่เราต้องการคือการอุ้มน้ำ ซึ่งหมายถึงควรเป็นพู่กันแบบขนนิ่ม (เป็นขนสังเคราะห์ หรือขนสัตว์ก็ได้) นอกจากขนนิ่มจะมีคุณสมบัติอุ้มน้ำแล้ว ยังเหมาะกับการวาดบนกระดาษ ไม่ทำให้เกิดร่องรอยบนผิวกระดาษด้วย ส่วนพู่กันประเภทขนแข็ง เราจะใช้สำหรับการวาดสีน้ำมันบนเฟรมผ้าใบ หรือสีอะครีลิก รวมถึงสีประเภทที่มีเนื้อสีข้นๆ นั่นเอง

พู่กันหลักที่ต้องมี

พู่กันหัวกลม ขนเนิ่ม เบอร์ 12, 8, 6 เท่านี้ก็เพียงพอวาดรูปทั่วไป แล้วมาสังเกตนิสัยการวาดของตัวเองอีกที เช่น ถ้าชอบวาดรายละเอียด ก็หาเบอร์เล็กๆ มา เพิ่ม หรือถ้าชอบวาดภาพวิว ท้องฟ้ากว้างๆ ก็อาจจะเอาพู่กันหัวแบนมาเพิ่ม เป็นต้น

พู่กันเสริมที่นิยม

พู่กันหัวกลม ขนสั้น เบอร์เล็ก เน้นระบายเก็บรายละเอียด

พู่กันหัวกลม ขนยาว (เบอร์ 0 พิเศษ) เน้นการตัดเส้นขนาดเล็ก

พู่กันปากแบน หรือแปรง สำหรับระบายพื้นที่ขนาดใหญ่

Spotter Brush พู่กันเล็ก : สำหรับเก็บรายละเอียดโดยการระบาย หรือเพ้นท์ตามปกติ แต่เป็นพื้นที่เล็กๆ

Rigger Brush พู่กันเล็กเบอร์ 0 พิเศษ : นอกจากขนาดที่เล็กแล้ว ยังประกอบด้วยขนที่ยาว ทำให้เหมาะในการตัดเส้นเล็กๆ เช่น งานวาดลายไทย

พู่กันปากแบน หรือแปรง : สำหรับระบายพื้นที่ขนาดใหญ่ เหมาะสำหรับรระบายพื้นที่ขนาดใหญ่ เช่นการทำพื้นหลัง (Background) บรรยากาศท้องฟ้า หรือแม่น้ำขนาดใหญ่เป็นต้น

ขนพู่กัน

พู่กันทั่วไปมักจะทำจากขนสังเคราะห์ ข้อดีคือราคาไม่แพง ส่วนพู่กันที่ทำจากขนสัตว์จะมีลักษณะเฉพาะคือนิ่มมาก และมักจะมีราคาสูง และต้องดูแลรักษาให้ดี หมั่นล้างให้สะอาดหลังใช้ (เช่น ล้างด้วยน้ำสบูเหลว) อย่างไรก็ดีการนำมาใช้ก็ขึ้นอยู่กับลักษณะการวาดของแต่ละคนด้วย เช่นพู่กันขนสัตว์ที่นิ่มมาก อาจทำให้ไม่ถนัดในการเขียนรายละเอียดสำหรับบางคนเป็นต้น

note :

พู่กันแบบใส่น้ำได้ ออกแบบมาให้ใส่น้ำไว้ในด้ามพู่กัน แต่การใช้งานจริงค่อนข้างใช้งานยาก ไม่ค่อยเป็นที่นิยม