Posted 5/11/2023 8:19:15 PM
กระดาษสำหรับวาดสีน้ำ โดยรวมมี 3 ชนิด โดยทั้ง 3 แบบ จะส่งผลต่อการวาดที่แตกต่างกันไป ซึ่งกระดาษของแต่ละแบรนด์ จะมี "รอยขรุขระ" ที่แตกต่างกัน และจะเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์นั้นๆ โดยไม่ซ้ำกันเลย
กระดาษแบบอัดร้อน จะสามารถซึมซับเนื้อสีได้ดี มีรายละเอียดของสีมาก เป็นที่นิยมในกลุ่มศิลปิน เพราะสามารถเก็บรายละเอียดได้คม และแม่นยำ เช่นการวาดภาพวิวเมือง หรือของที่เน้นพื้นผิวเรียบ
กระดาษแบบอัดเย็นจะเกิดผิวขรุขระเล็กน้อย ซึ่งเนื้อสีจะเข้าไปขังตามหลุมเล็กๆ เหล่านั้น เกิดเป็นร่องรอยที่สวยงาม นับเป็นกระดาษสำหรับวาดสีน้ำที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ใช้งานได้หลากหลาย
กระดาษแบบผิวหยาบมาก จะเก็บรายละเอียดได้ยาก เนื่องจากผิวที่ขรุขระ แต่ก็เหมาะสำหรับการวาดภาพที่ต้องการร่องรอยของความขรุขระ เช่นใบไม้ ป่า หิน ผิวหรือขนของสัตว์
นอกจากเรื่องพื้นผิวของกระดาษแล้ว สิ่งสำคัญอีกอย่างคือน้ำหนัก หรือค่าแกรม (Gms.) กระดาษมักจะมีหลายน้ำหนัก ไปตามการใช้งาน เช่น 90, 120, 180, 200, 300 แกรม หรือมากไปกว่านั้น และแกรมยิ่งมาก ราคาก็ยิ่งสูง เพราะต้องใช้วัตถุดิบในการผลิตมากขึ้นนั่นเอง
สำหรับการวาดสีน้ำ น้ำหนักกระดาษที่ 200~300 แกรม จะเป็นที่นิยม เพราะหากบางเกินไป การซึมของสี หรือกระระบายซ้ำ ก็อาจไม่ดีพอ หากหนาเกินไป ก็อาจเกินความจำเป็น รวมทั้งมีราคาแพงไปมาก
แต่สุดท้ายก็แล้วแต่ผู้วาด ว่าชอบ หรือถนัดกระดาษแบบไหน แม้แต่กระดาษแบบเดียวกัน เช่นกระดาษอัดร้อน ต่างแบรนด์กัน ร่องรอยบนกระดาษก็ไม่เหมือนกัน ทำให้ลักษณะการวาดแตกต่างกันไปด้วย จึงแนะนำให้ผู้เริ่มต้น ทดลองวาดบนกระดาษหลายๆ แบบ แล้วหาแบบที่ตัวเองชอบ หรือถนัดที่สุดก็พอ
*Hot Pressed คือการสร้างรอยขรุขระบนผิวกระดาษด้วยลูกกลิ้งโลหะแบบร้อน
**Cold Pressed คือการสร้างรอยขรุขระบนผิวกระดาษด้วยลูกกลิ้งโลหะแบบเย็น
***Rough คือการสร้างรอยขรุขระบนผิวกระดาษด้วยการกดของสักหลาดก่อนกระบวนการแห้ง