กระดาษมีรายละเอียดค่อนข้างเยอะมาก เรามาลองทำความเข้าใจองค์ประกอบของกระดาษกันก่อน

น้ำหนัก กระดาษส่วนใหญ่ ปัจจุบันเราอิงตามค่ากรัม หรือแกรม เช่นกระดาษขนาด A4 ที่นิยมใช้กันก็จะประมาณ 70-80 แกรม (gram) ส่วนกระดาษสำหรับใช้วาดสีน้ำ ส่วนตัวก็จะแนะนำที่ 200 แกรม ขึ้นไป จะให้ดีก็สัก 300 แกรม เพราะ 200 แกรม โดยทั่วไปนั้นก็วาดได้ แต่กระดาษจะเป็นลอน หรือเป็นคลื่นได้ง่าย หากกระดาษหนาหน่อยจะเป็นลอนได้ช้าลง*

ดังนั้นถ้าหาได้ แนะนำ 300 แกรม แต่ถ้าหาไม่ได้ 200 แกรม ก็พอใช้ได้ แต่ถ้าหนากว่านั้นก็เกินความจำเป็น และราคาจะสูงเกินไป

พื้นผิว กระดาษวาดสีน้ำส่วนใหญ่เราจะใช้แบบผิวหยาบ ที่บอกว่าส่วนใหญ่เพราะแบบเรียบก็มี แต่แบบเรียบที่วาดได้ดีเท่าแบบหยาบ จะค่อนข้างมีราคาสูง สำหรับมือใหม่กระดาษเกรดเริ่มต้นเราควรใช้ด้านหยาบในการวาดเสมอ แต่ละยี่ห้อก็จะมีลายของผิวกระดาษแตกต่างกันไป ตรงนี้แล้วแต่ความชอบกันได้เลย

สี หลักๆ สีของกระดาษก็จะมี 3 โทน คือ ขาว, ขาวอมครีม, ขาวอมฟ้า คลายกับพื้นผิว เลือกตามความชอบ หรือการนำภาพไปใช้ เช่น ถ้าวาดแล้วเอาภาพไปทำเป็นภาพประกอบลงหนังสือต่อ ก็จะแนะนำที่เป็นกระดาษขาว จะได้กลืนไปกับสีหน้ากระดาษเป็นต้น

จากองค์ประกอบทั้งหมด ในตลาดหรือร้านเครื่องเขียนก็จะเหลือตัวเลือกไม่มาก โดยเฉพาะเมื่อนำราคามาร่วมพิจารณาด้วย

ลายผิวกระดาษ Renailssance

300 แกรม Renailssance (แบบหยาบ)

1. ข้อดี - กระดาษสีครีม เหมาะกับการวาดภาพคน, ลายสวย, ผิวหยาบทั้ง 2 ด้าน ใช้ได้ 2 ฝั่ง
2. ข้อเสีย - เนื้อกระดาษแข็ง (แต่ถ้าวาดทำโปสการ์ด ก็ถือเป็นข้อดี)
3. แพ้คเกจ - มีทั้งการขายแบบแผ่นใหญ่ และแบบแพ้คเป็นเล่มหลายขนาด

ลายผิวกระดาษ Canson

320 แกรม Canson (แบบหยาบ)

1. ข้อดี - กระดาษเนื้อสีขาว สีจึงออกมาดูสด
2. ข้อเสีย - ด้านหลังผิวเรียบ ใช้เพ้นท์ได้ยาก
3. แพ้คเกจ - มีทั้งการขายแบบแผ่นใหญ่ และแบบแพ้คเป็นเล่มหลายขนาด

หรือถ้ามีงบมากกว่านี้ ก็เป็นกระดาษใกล้เคียงกับระดับ Artist เช่นของ Bockingford (300 แกรม) หรือ Waterford (300 แกรม) อย่างไรก็ดี บทความนี้เป็นคำแนะนำเบื้องต้น จากสินค้าที่หาได้ง่ายในร้านเครื่องเขียน สามารถใช้ของแบรนด์อื่นๆ ที่มีคุณสมบัติใกล้เคียงกันได้ ตามความสะดวกของแต่ละคนเลย